ปรับแต่งคอนเทนต์ ด้วย SEO

10 คำแนะนำด้าน SEO ที่จะช่วยปรับคอนเทนต์ของคุณให้ดีขึ้น

อยากให้มีคนเข้ามาอ่านบทความมากขึ้น หรืออยากให้คนเห็นข้อมูลสินค้า,บริการของเรามากขึ้น ต้องลองดู 10 คำแนะนำในการปรับแต่งคอนเทนต์ ตามหลัก SEO ในบทความนี้กันค่ะ

1. กำหนด Keyword ที่เหมาะสม

การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับคอนเทนต์ของคุณเป็นเรื่องแรกที่จำเป็นต้องทำ โดยคุณจะสามารถหา Keywords ที่เหมาะสมได้จากการใช้เครื่องมือในการหา Keywords (Keywords Tool) ต่าง ๆ เช่น Semrush, KW Finder, Google Keyword Tools

ทั้งนี้การเลือก Keywords ที่ดี เราจะเลือกคำที่มีผู้ค้นหาปานกลาง – สูง แต่มีคู่แข่งต่ำ

KW Finder - ปรับคอนเทนต์ ด้วย SEO - หา keywords

2. เขียนเนื้อหาให้ตอบคำถาม ที่คนอยากรู้

การค้นหาว่าส่วนใหญ่ผู้คนหามักจะมีคำถามอะไรที่เกี่ยวข้องคอนเทนต์ของเรา แล้วนำเอาคำถามนั้นมาเขียนตอบ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีในการที่จะทำให้คอนเทนต์ของเราติดอันดับต้น ๆ ของผลลัพธ์การค้นหา แต่ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะใช้คำถามแบบไหน อาจจะลองเลือกจากคำถามที่พบบ่อยในธุรกิจของคุณมาใช้ก็ทำได้เช่นกัน

3. เลือกนำเสนอเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา

ก่อนที่จะเริ่มต้นทำคอนเทนต์ คุณจะต้องวางแผนก่อนว่าคอนเทนต์นี้ของคุณจะตอบโจทย์ใน Customer Journey ใดของผู้อ่าน เพราะในแต่ละ Journey ความต้องการข้อมูลก็จะแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการทำคอนเทนต์เกี่ยวกับ iPhone 12 และอยากให้ข้อมูลกับผู้ที่กำลังมองหาว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นไหนดี คุณอาจจะทำบทความเปรียบเทียบโทรศัพท์รุ่นต่าง ๆ กับ iPhone 12 แต่หากคุณต้องการขาย iPhone 12 คุณอาจจะต้องเพิ่ม ราคา, วิธีการสั่งซื้อ และการรับประกันต่าง ๆ ลงในเนื้อหาแทน

การปรับคอนเทนต์

ทั้งนี้จุดประสงค์ของการค้นหาข้อมูลใน Search Engine เราแบ่งเป็น 4 จุดประสงค์ด้วยกันคือ

  • ต้องการหาข้อมูล (Informational intent) ผู้ใช้ต้องการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมในหัวข้อ ผลิตภัณฑ์ หรืออุตสาหกรรมเฉพาะ ตัวอย่าง เครื่องชงกาแฟที่ดีที่สุด
  • ต้องการการนําทาง (Navigational intent) ผู้ใช้ตั้งใจจะเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือหน้าที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น ประเภทเครื่องชงกาแฟ Nespresso
  • ต้องการเชิงการค้า (Commercial intent) ผู้ใช้พิจารณาการซื้อและต้องการตรวจสอบตัวเลือกของพวกเขา ตัวอย่างเช่น การเปรียบเทียบเครื่องชงกาแฟ
  • ต้องการทําธุรกรรม (Transactional intent) ผู้ใช้มุ่งซื้อผลิตภัณฑ์,บริการ ตัวอย่างเช่น ซื้อเครื่องชงกาแฟ Nespresso ใหม่

4. ตรวจสอบบทความคู่แข่งในคีย์เวิร์ดเดียวกัน

ลองนำคีย์เวิร์ดหลักที่คุณต้องการจะใช้ไปเสิร์ชใน Search Engine แล้วดูว่าคู่แข่ง 10 อันดับแรก ใช้คีย์เวิร์ดนั้นกับบทความประเภทไหน มีแนวทางการเขียนคอนเทนต์อย่างไร จะทำให้คุณสามารถรวบรวมแนวคิดการเพิ่มประสิทธิภาพของคอนเทนต์จากคู่แข่งหลักของคุณได้

5. นำข้อมูล Insight ของคุณ มาใช้ปรับคอนเทนต์

การนำเสนอเนื้อหาข้อมูลที่มาจาก Insight ของคุณเอง จะทำให้คอนเทนต์ของคุณมีความแตกต่างจากคนอื่น ซึ่งความแตกต่าง มีเอกลักษ์นอกจากจะช่วยให้ผู้อ่านสนใจคอนเทนต์ของคุณมากขึ้น Search Engine ต่าง ๆ ก็ชื่นชอบเช่นเดียวกัน

6. ปรับแต่ง Title และ Description ให้เหมาะสม

Title และ Description เป็นข้อมูลสองส่วนที่ถูกแสดงผลในผลลัพธ์การค้นหา (SERPs) โดยข้อมูลทั้งสองส่วนนี้มีส่วนในการดึงดูดให้ผู้ใช้เลือกทีจะอ่าน หรือเลื่อนผ่านเว็บไซต์ธุรกิจของเรา

title/description

Title Tags

ในการแสดงผลบนผลลัพธ์การค้นหา Title จะแสดงผลอยู่ที่ประมาณ 50-60 ตัวอักษร ดังนั้นเราจึงไม่ควรเขียน Title ยาวเกินไป เพื่อป้องกันการตัดคำที่ไม่สมบูรณ์

นวทางการเขียน Title ที่ดี

  • มีความยาว 55-60 ตัวอักษร
  • มี Keywords ที่ต้องการ อยู่ใน Title
  • เขียนให้ตรงกับจุดประสงค์ของหน้าเนื้อหานั้น ๆ
  • หลีกเลี่ยงการสร้าง Title ที่ซ้ำกัน
  • หลีกเลี่ยงการจงใจใส่ Keywords หลาย ๆ คำ ลงไปใน Title
  • เขียนให้สั้น กระชับ และสื่อใจความที่ต้องการ
  • มีคํากระตุ้นการตัดสินใจ (Call To Action)

Description

Description จะแสดงผลในผลลัพธ์การค้นหา เป็นส่วนที่ใช้สรุปข้อมูลสั้น ๆ ของหน้าเว็บนั้น ๆ เพื่อบอกว่าหน้าเว็บนั้น ๆ มีเนื้อหาอะไร โดย Description นี้ไม่มีผลต่ออันดับในผลลัพธ์การค้นหาโดยตรง แต่มีผลต่อการโน้มน้าวให้ผู้ค้นหาคลิกเข้ามายังหน้าเว็บของเรา

แนวทางการเขียน Description ที่ดี

  • มีความยาว 140-160 ตัวอักษร
  • ใช้ Description ที่แตกต่างกันในแต่ละหน้าเว็บ ไม่ใช้ซ้ำกัน
  • ไม่เขียนซ้ำกับ Title
  • ใช้คำที่คํากระตุ้นการตัดสินใจ
  • มีข้อความที่เน้นบ่งบอกการกระทำ
  • ใช้ Keywords ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
  • เขียนให้ตรงกับจุดประสงค์ของหน้าเนื้อหานั้น ๆ และสอดคล้องกับ Title
  • ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับหน้าเว็บนั้น ๆ

7. ต้องปรับคอนเทนต์ให้อ่านง่าย

ยิ่งเราปรับแต่งการจัดวางเนื้อหาให้อ่านง่ายเท่าไหร่ ผู้อ่านก็จะยิ่งชื่นชอบ และสามารถอ่านเนื้อหาได้มากขึ้น ทั้งนี้เรามีแนวคิดการปรับแต่งเนื้อหาให้อ่านง่ายมาแนะนำ ดังนี้

  • จัดวางโครงสร้างของเนื้อหาให้ดี โดยที่คุณอาจจะมีการใส่แท็ก Heading ต่าง ๆ เช่น H2, H3, H4 ในส่วนที่เป็นหัวข้อย่อยในคอนเทนต์นั้น ๆ เพื่อให้ผู้อ่านรู้ว่าจุดไหนเป็นหัวข้อ และจุดไหนเป็นส่วนที่สำคัญ
  • การใช้หัวข้อที่เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่าการเขียนอย่าง Skimmable ช่วยให้ผู้อ่านตัดสินใจได้ทันทีว่าจะอ่านคอนเทนต์ของคุณต่อหรือไม่ ซึ่งหากเราเขียนได้ชัดเจน และน่าสนใจ ก็ย่อมกระตุ้นให้เค้าอ่านเนื้อหาต่อไป
  • การมีย่อหน้า ช่วยให้มีช่องว่างระหว่างหัวข้อ ซึ่งเป็นจะทำให้ผู้อ่านสบายตามากยิ่งขึ้น และยังช่วยให้อ่านง่ายขึ้นด้วย
  • หากแต่ละย่อหน้าของคุณยาวเกินไป การใช้สัญลักษณ์แสดงย่อหน้าย่อย (bullet) หรือการใส่ลำดับตัวเลขเพิ่มลงไป ก็ช่วยทำให้อ่านง่ายขึ้น
  • อย่าใช้คำศัพท์ที่ยากเกินไป ควรจะใช้คำที่เข้าใจง่าย หรือหากจำเป็นต้องเขียนทับศัพท์ หรือคำที่ยาก ก็อาจจะมีการเขียนอธิบายไว้เพิ่มเติม

8. ใส่รูปภาพในคอนเทนต์ของคุณ

การมีภาพในคอนเทนต์ของคุณ ช่วยให้คุณปรับคอนเทนต์ให้น่าสนใจของคุณได้มากยิ่งขึ้น และมีโอกาสแชร์มากขึ้น ทั้งนี้นอกจากรูปภาพแล้ว คุณอาจจะใช้วีดีโอ หรือ infographic ด้วยก็ได้เช่นกันค่ะ

แต่การใช้ภาพในคอนเทนต์ก็จะต้องไม่ลืมใส่ Alt ให้กับภาพนั้น ๆ เพื่อให้ Search Engine เข้าใจภาพของคุณด้วยเช่นกัน

9. ต้องไม่ลืมเติม Call to action (CTAs)

เมื่อเรามีจุดประสงค์ที่ชัดเจนในการเขียนบทความ การเติม Call to action ที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ ก็จะช่วยดึงดูดให้ผู้อ่านรู้ว่าเราต้องการให้เขาทำอะไร เช่นหากคุณต้องการขายสินค้า การควรมีการใส่ปุ่ม Add to cart เอาไว้ด้วย นอกจากนี้ Call to action ยังใช้ในการดึงให้ผู้อ่านคลิกไปยังหน้าเว็บอื่น ๆ ได้ ซึ่งจะทำให้ bounce rate ลดลงอีกด้วย

10. มีการเชื่อมโยงด้วยลิงก์ ทั้งภายในและภายนอกเว็บ

การใส่ลิงก์ทั้งภายใน และลิงก์ไปยังภายนอกเว็บไซต์ จะช่วยให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาของคุณมากขึ้น ระบบจะเข้าใจได้ว่าข้อมูลที่คุณเขียน กับลิงก์ที่มีการเชื่อมโยงมีความเกี่ยวข้องกัน ลิงก์ภายในเว็บไซต์ธุรกิจของคุณยังมีส่วนในการช่วยสร้างแผนผังว่าเว็บไซต์ของคุณมีหน้าอะไรบ้าง และยังทำให้ Google เข้าใจเว็บไซต์ของคุณได้มากยิ่งขึ้น

กรณีศึกษา: NinjaOutreach เพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บแบบ organic ได้สูงถึง 40%โดยการปรับลิงก์ภายในให้เหมาะสม

และทั้งนี้ก็คือแนวคิดในการพัฒนาคอนเทนต์ให้ดียิ่งขึ้น ตามแนวทางของการทำ SEO สำหรับแบรนด์ไหนที่นำไปลองใช้แล้ว ลองมาเล่าให้เราฟังกันดูบ้างนะคะ เราอยากรู้ว่าผลลัพธ์ที่ทำจริงในหลากหลายรูปแบบของคอนเทนต์จะให้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง และสำหรับใครที่ยังสงสัยเกี่ยวกับบทความนี้ หรือต้องการพูดคุยก็สามารถอีเมลมาคุยกับเราได้ที่ marketing@Lnw.co.th ค่ะ หรือหากคุณเป็นผู้ใช้ระบบ LnwShop Pro อยู่แล้ว ก็สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากที่ปรึกษาธุรกิจของคุณได้เลยนะคะ


อ้างอิง