Evergreen Content คืออะไร ทำไมธุรกิจออนไลน์ต้องสนใจ

ในยุคนี้การแข่งขันกันสร้างคอนเทนต์ให้โดนใจผู้บริโภคเพื่อแย่งลูกค้าให้มาสนใจแบรนด์ของเราก็เป็นเรื่องที่หนีไม่พ้นในการทำการตลาดออนไลน์ แต่จะดีกว่าไหมคะ ถ้าคุณมีคอนเทนต์ที่สามารถใช้งานได้ตลอด ไม่หมดความนิยม และยังสามารถสร้าง Traffic ให้กับแบรนด์ได้ตลอดเวลา และนี่คือสิ่งที่บล็อกนี้กำลังจะพูดถึง หรือที่เรียกว่า Evergreen Content นั่นเองค่ะ

Evergreen Content คืออะไร

Evergreen เป็นคอนเทนต์ที่ยังคงมีความเกี่ยวข้องกับผู้อ่านอยู่เสมอ โดยไม่มีกรอบเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น วิธีการทำพาสต้า, แนวคิดการทำคอนเทนต์เพื่อ SEO ซึ่งจะเห็นว่าเนื้อหานี้อาจจะไม่ได้เฉพาะเจาะจงที่ข้อมูลของแบรนด์ของเรา แต่เป็นบทความที่ผู้คนบนอินเตอร์เน็ตจะสนใจได้ตลอดเวลา

ประโยชน์ของคอนเทนต์ประเภทนี้

1. เพิ่มปริมาณผู้เข้าชมเว็บได้สม่ำเสมอ

คอนเทนต์ประเภทนี้เป็นคอนเทนต์ทีได้รับความสนใจตลอดเวลา ทำให้สามารถสร้างฐานคนเข้าชมได้อย่างสม่ำเสมอ

Evergreen Content

จากกราฟด้านบนเราจะเห็นว่าหากเป็นคอนเทนต์ประเภท Time-Sensitive จะได้รับการตอบรับดีในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วจบไป แต่ตรงกันข้ามกับ Evergreen ที่อาจจะไม่ได้รับความนิยมสูงในช่วงแรก แต่สามารถสร้าง Traffic ให้ได้ในระยะเวลาที่นาน และสม่ำเสมอ

2. สามารถหยิบมาใช้ได้ตลอดเวลา ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา

Evergreen เป็นคอนเทนต์ที่สามารถนำกลับมาแชร์ซ้ำได้ตลอด เพราะไม่มีข้อจำกัดเรื่องของระยะของกระแสความนิยม

3. สร้างภาพลักษณ์ด้านความเชี่ยวชาญให้กับแบรนด์ได้

การสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบนี้ จะต้องใช้ข้อมูลที่ละเอียดครบถ้วน ทำให้สื่อถึงความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ ได้ดี ซึ่งหากเป็นเรื่องเดียวกันกับธุรกิจของคุณ ก็จะยิ่งสร้างความน่าชื่อถือให้กับแบรนด์ได้

วิธีการสร้างคอนเทนต์แบบ Evergreen

1. กำหนดกลุ่มเป้าหมายของเนื้อหาที่จะเขียน

ก่อนที่เราจะสร้างคอนเทนต์ขึ้นมา ให้กำหนดก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายของบทความนี้คือใคร และเขาจะสนใจอะไรบ้าง โดยที่กลุ่มเป้าหมายของคอนเทนต์ควรจะเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกันกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์

2. กำหนด Keywords สำคัญของคอนเทนต์

ก่อนที่จะเริ่มต้นเขียน ให้เราค้นหา Keywords ที่เราจะใช้เป็นหลักในการเขียน และอาจจะลองนำคีย์เวิร์ดนั้นไปค้นหาในผลลัพธ์การค้นหา เพื่อดูคู่แข่งของเราก่อน ว่าเขาทำคอนเทนต์ประเภทไหน และเราอาจจะเลี่ยงไม่ให้ซ้ำกับเขา หรือทำให้ดีกว่าเขาก็ได้เช่นเดียวกัน

3. สร้างคอนเทนต์ที่มีข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนอย่างครบถ้วน

สำหรับการเขียนคอนเทนต์ประเภทนี้เราจะเขียนกันที่ 300 ตัวอักษรขึ้นไป (ภาษาไทย และนับตัวอักษรด้วย WordPress) หรือหากนับด้วยโปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ด จะอยู่ที่ 800 ตัวอักษรสำหรับคอนเทนต์ภาษาไทย แต่อันที่จริงแล้ว การที่เราเขียนยาวควรจะมาจากการที่ต้องรวบรวมรายละเอียดของเรื่องที่เขียนให้ครบถ้วน เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์สูงสุดจากบทความ

4. สร้างคอนเทนต์ตามหลัก SEO

เวลาที่คุณจะสร้างคอนเทนต์สำหรับแบรนด์ เราแนะนำให้คุณศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการทำ SEO และปรับแต่งคอนเทนต์ตามในรูปแบบนั้น ซึ่งจะช่วยทำให้คอนเทนต์ของเรามีโอกาสติดอันดับในผลลัพธ์การค้นหาต้น ๆ ของ Google ได้มากขึ้น – ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการทำ SEO ได้ที่นี่

5. หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลด้านเวลาที่จะกำหนดอายุของคอนเทนต์

ในการเขียนคอนเทนต์ประเภทพนี้ ไม่ควรมีกรอบระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงควรเลี่ยงการเขียนข้อมูลทีเป็นเฉพาะช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เช่น โปรโมชั่นประจำเดือน เป็นต้น แต่หากจะใช้เรื่องเวลาเข้ามาเกี่ยว อาจจะต้องเลือกใช้ช่วงเวลาที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เช่น วันปีใหม่, วันวาเลนไทน์ เป็นต้น

หลังจากเขียนแล้ว หมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ

1. หมั่นตรวจสอบปริมาณการเข้าชม และผลลัพธ์การจัดอันดับ
หมั่นตรวจสอบว่าตอนนี้มีคนเข้าชมบทความของคุณมากน้อยแค่ไหน หรือผลลัพธ์การค้นหาอยู่ในระดับใด หากมีคอนเทนต์อื่นที่ผลลัพธ์การค้นหาของเขาดีกว่าเราในคีย์เวิร์ด หรือเรื่องเดียวกัน ให้ปรับคอนเทนต์ของเราให้ดีกว่าอยู่เสมอ

2. ปรับแก้เนื้อหาให้ทันสมัยอยู่เสมอ

เพื่อให้คอนเทนต์ของเราสามารถใช้งานได้ตลอด ไม่มีกรอบเรื่องระยะเวลาเข้ามา เราจึงควรปรับแต่งคอนเทนต์ของเราให้ทันสมัยอยู่เสมอ หากเรื่องที่เราสร้างขึ้นมามีข้อมูลใหม่ ก็ควรจะเติมข้อมูลเหล่านั้นลงไปในคอนเทนต์ของเราด้วย

3. นำเนื้อหาบางส่วนไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ เพื่อดึงดูดผู้ชมใหม่ ๆ

การทำ Evergreen มักจะมีการหยิบหลายหัวข้อมาใช้ในการพัฒนาหนึ่งคอนเทนต์ ดังนั้นเราสามารถหยิบเอาหัวข้อย่อย ๆ เหล่านั้น มาใช้ในการสร้างเป็นคอนเทนต์สำหรับ Social Media เพื่อใช้ในการดึงดูดกลุ่มผู้ชมใหม่ ๆ เข้ามายังคอนเทนต์ของเราได้เช่นกัน


อ้างอิง – What is evergreen content?