เจาะข้อมูลโฆษณา PMax และความต่างจาก Shopping Ads

สำหรับบทความนี้นะคะ LnwShop Pro จะพาทุกท่านมารู้จักกับโฆษณาที่ชื่อว่า Performance Max หรือ PMax โฆษณาที่กำลังจะมาแทน Google Shopping Ads แบบเจาะลึกกันค่ะ

Performance Max (PMax) คืออะไร

Performance Max เป็นรูปแบบการประมูลโฆษณา (Bidding) แบบใหม่ ที่ Google ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ลงโฆษณาสร้าง Conversion ได้มากที่สุด ด้วยการใช้ระบบ Automation ของ Google ซึ่งจะถูกนำมาใช้แทนการประมูลโฆษณา ในรูปแบบ Smart Shopping Campaign และนอกจากนี้ Google ยังจะเปลี่ยนชื่อบริการลงโฆษณา Shopping Ads ให้เป็น Performance Max อีกด้วย – ที่มา Performance Max แคมเปญ Google Shopping Ads รูปแบบใหม่!

4 ความแตกต่างระหว่าง Performance Max และ Shopping Ads

1. รูปแบบการประมูลโฆษณาที่เปลี่ยนไป

สำหรับการประมูลโฆษณาของ Google Shopping Ads แบบเดิม จะสามารถเลือกการประมูลได้ 2 รูปแบบคือ Maximize Conversion Value กับ ROAS โดย Maximize Conversion Value คืออิงจากมูลค่าของออเดอร์ที่เกิดขึ้น ส่วน ROAS จะดูยอดขายที่เกิดขึ้นเมื่อเทียบกับค่าโฆษณา แต่ของ Performance Max จะมี 2 รูปแบบการประมูลโฆษณาเช่นกัน แต่จะเน้นที่ Conversion เป็นหลัก โดยเลือกได้ระหว่าง Maximize Conversion Value กับ Maximize Conversion ซึ่ง Maximize Conversion จะเป็นรูปแบบที่นับปริมาณการเกิด Conversion โดยไม่ได้ดูที่มูลค่า

2. ยกเลิก Smart Shopping Campaign

ในการลงโฆษณาแบบ Google Shopping Ads เราสามารถเลือกลงได้ 2 รูปแบบ คือ Smart Shopping Campaign กับ Starndart Campaign ซึ่งแบบ Smart จะใช้ AI ในการประมวลผล แต่ Starndard ผู้ลงโฆษณาสามารถตั้งค่าเองได้ เช่นการกำหนดมูลค่าต่อคลิก ซึ่งตัว Performance Max ได้ยกเลิกการลงแบบ Smart Shopping Campaign ออกไป แต่ยังสามารถลงแบบ Standard Campaign ได้เหมือนเดิม

พื้นที่แสดงผลของ Performance Max (PMax)
พื้นที่แสดงผลของ Performance Max

3. พื้นที่การแสดงผลที่เพิ่มขึ้น

สำหรับการแสดงผลของ Google Shopping Ads เดิมจะมีการแสดงผลที่ Google Search (ในรูปแบบภาพสินค้า), Google Shopping Tab, Gmail, Display ads network และ Youtube (ในรูปแบบภาพสินค้า)

แต่สำหรับ Performance Max จะแสดงผลในช่องทางเดิมของ Shopping Ads ทั้งหมด แต่เพิ่มการแสดงผลแบบข้อความใน Google Seach, Google discovery, Google Map และการแสดงผลวีดีโอใน Youtube* มาเพิ่มอีกด้วย

ภาพการกรอกข้อมูลต่าง ๆ เพื่อทำโฆษณา PMax

4. Source ของการลงโฆษณาที่เพิ่มขึ้น

แน่นอนว่าเมื่อมีพื้นที่การแสดงผลที่เพิ่มขึ้น Source ต่าง ๆ ที่จะใช้สำหรับการโฆษณาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งการลงโฆษณาแบบ Shopping Ads จะใช้แค่ข้อมูล และรายละเอียดของสินค้า แต่การลงแบบ Performance Max จะมีการใช้ทั้ง 1. หัวข้อแบบสั้น 2. หัวข้อแบบยาว 3. รายละเอียด 4. รูปภาพ และ 5 วีดีโอ โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • หัวข้อ (แบบสั้น) คือ บรรทัดแรกของโฆษณา (กรุณาใส่อย่างน้อย 3 หัวข้อ)
  • หัวข้อ (แบบยาว) คือ บรรทัดแรกของโฆษณา และจะปรากฏแทน หัวข้อ (แบบสั้น) ในโฆษณาขนาดใหญ่ หัวข้อ (แบบยาว) มีอักขระได้ไม่เกิน 90 ตัว และอาจแสดงโดยมีหรือไม่มีคำอธิบายก็ได้ ความยาวของพาดหัวที่แสดงผลจะขึ้นอยู่กับไซต์ที่ปรากฏ หากสั้นลง จะลงท้ายด้วยจุดไข่ปลา
  • รายละเอียด (กรุณาใส่อย่างน้อย 2 รายละเอียด) มีความยาวได้สูงสุด 90 อักขระและอาจปรากฏหลังหัวข้อ เพิ่มคำอธิบายสูงสุด 5 รายการซึ่งจะรายละเอียดจะรวมกับหัวข้อแบบสั้น หรือหัวข้อแบบยาวเพื่อสร้างโฆษณาที่มีความยาวขึ้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับไซต์ที่ปรากฏ หากพื้นที่แสดงผลสั้นลง จะลงท้ายด้วยจุดไข่ปลา
  • รูปภาพ โดยภาพที่ใช้จะมีขนาด 3 ขนาดคือ 1. Landscape image (1.91:1) Recommended size: 1200 x 628 Min. size: 600 x 314. 2. Square image (1:1) Recommended size: 1200 x 1200 Min. size: 300 x 300 3. (Optional) Portrait image (4:5) Recommended size: 960 x 1200 Min. size: 480 x 600
  • วีดีโอ ซึ่งหากแบรนด์ไหนไม่มีวีดีโอทางระบบจะดึงเอารูปภาพมาใช้เป็นวีดีโอให้เองค่ะ

และนี่ก็คือความแตกต่างระหว่าง Shopping Ads และ Performance Max ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั่นเองค่ะ สำหรับแบรนด์ไหนที่ต้องการลงโฆษณาแบบ PMax ก็สามารถติดต่อสอบถามได้กับทางที่ปรึกษาของแบรนด์ได้เลยนะคะ