รู้หรือไม่ การที่คุณเพิ่งเปิดเว็บไซต์ขายของออนไลน์ แล้วมีคนเข้ามาดูสินค้าแล้ว แต่ไม่เกิดยอดขายตามที่คาดหวัง นี่คือปัญหาที่แบรนด์ออนไลน์พบบ่อยที่สุด!
เนื้อหาในบทความ
เคล็ดลับเพิ่มยอดขาย หลังเปิดเว็บไซต์
สถิติล่าสุดปี 2025 จาก Smart Insights¹ ชี้ให้เห็นว่า อัตราการซื้อสินค้าเฉลี่ยของเว็บไซต์ E-commerce ทั่วโลกอยู่ที่เพียง 2.35–3.68% เท่านั้น หมายความว่า จาก 100 คนที่เข้ามาดูสินค้า มีเพียง 2–4 คนเท่านั้นที่จะซื้อจริง
การเพิ่ม Conversion Rate จาก 2% เป็น 4% ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 100% โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติมในการหา Traffic ใหม่! นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการเพิ่มประสิทธิภาพ Conversion จึงคุ้มค่าการลงทุนมากกว่าการทำ Marketing แบบเก่า
บทความนี้เราจึงจะแนะนำ 7 เคล็ดลับที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล พร้อมตัวอย่างจริงจากธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณสามารถขายได้ 24/7 อย่างต่อเนื่อง
เคล็ดลับที่ 1 ปรับหน้าแรกให้เน้นการขาย (Landing Page Optimization)
หน้าแรกของเว็บไซต์คือจุดเริ่มต้นของการขาย การออกแบบที่ดีจะต้องสามารถดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ผู้เข้าชมอยากซื้อภายในไม่กี่วินาที
จุดสำคัญของ Landing Page (หน้าแรกหรือหน้ารับคนเข้าเว็บ):
ในส่วนที่เห็นทันทีโดยไม่ต้องเลื่อน ควรมีครบ 4 องค์ประกอบ คือ
- ข้อเสนอคุณค่าหลัก (Value Proposition): ลูกค้าจะได้อะไร / ทำไมต้องเลือกเรา
- ภาพหลักดึงสายตา (Hero Image) หรือวิดีโอสั้น: แสดงสินค้า / ผลลัพธ์ที่ลูกค้าจะได้รับ
- ปุ่มกระตุ้นการกระทำ (Call-to-Action: CTA): ปุ่มหรือข้อความให้คลิก เช่น “สั่งซื้อทันที”
- สัญญาณความน่าเชื่อถือเบื้องต้น (Trust Signal): รีวิว, การันตี, โลโก้พาร์ทเนอร์
ลดสิ่งรบกวนสายตา (Distraction):
- ลดเมนูที่ไม่จำเป็น
- ใช้สีที่ไม่แย่งความเด่นจากปุ่ม CTA หลัก
- จัดเรียงเนื้อหาให้สอดคล้องกับการกวาดสายตาแบบตัว F (F-Pattern)
ออกแบบเริ่มจากมือถือก่อน (Mobile-First Design):
เนื่องจากสถิติจาก Statista² แสดงว่า มากกว่า 59.16% ของการซื้อสินค้าออนไลน์มาจากมือถือ การออกแบบหน้าเว็บจึงต้องใช้งานได้ดีบนมือถือเป็นอันดับแรก

เคล็ดลับที่ 2 ปุ่มกระตุ้นการซื้อที่มีพลัง (Call-to-Action / CTA)
CTA เป็นตัวกำหนดว่าลูกค้าจะตัดสินใจซื้อหรือไม่ การเขียน CTA ที่ดีสามารถเพิ่ม Conversion Rate ได้มากถึง 202%
สูตร CTA ที่มีประสิทธิภาพ:
- ใช้คำกริยาที่ชัดและได้ประโยชน์
- “รับส่วนลดทันที”
- “เริ่มประหยัดเงินวันนี้”
- “สั่งซื้อและรับของแถมฟรี”
- สร้างความเร่งด่วน / กลัวพลาด (Urgency / FOMO)
- เช่น “เหลือเพียง 3 ชิ้นสุดท้าย!”, “เฉพาะลูกค้า 100 คนแรกเท่านั้น”
- ออกแบบให้โดดเด่น
- สีตัดพื้นหลัง, ปุ่มขนาดใหญ่, ตำแหน่งที่เห็นได้ชัด
- ทดสอบสองเวอร์ชัน (A/B Test CTA) อย่างเป็นระบบ
- ทดสอบคำ สี ขนาด และตำแหน่ง เพื่อหาสูตรที่ได้ผลดีที่สุด
เคล็ดลับที่ 3 ลดอุปสรรคในการซื้อ (Friction Reduction)
สถิติจาก Convert Cart³ ระบุว่า อัตราการทิ้งตะกร้าสินค้า (Cart Abandonment) ในปี 2024 สูงถึง 70.19% หมายความว่า 7 ใน 10 คนที่ใส่สินค้าลงตะกร้าแล้วจะไม่ซื้อจริง
สาเหตุหลักที่ลูกค้าไม่ซื้อ
- ขั้นตอนชำระเงินหลายหน้า (Checkout หลายขั้นตอน)
- บังคับสมัครสมาชิกก่อนซื้อ (ไม่มีการชำระแบบไม่ต้องสมัคร – Guest Checkout)
- ค่าส่งไม่โปร่งใส
- ช่องทางชำระเงินจำกัด
- ไม่มีระบบความปลอดภัย (ไม่มี SSL)
วิธีเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
- Checkout หน้าเดียว (One-Page Checkout)
- ชำระเงินได้โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก (Guest Checkout)
- แสดงราคารวมทุกอย่างตั้งแต่แรก
- รองรับหลายวิธีจ่าย: บัตร, โอน, e-Wallet, เก็บเงินปลายทาง (COD

เคล็ดลับที่ 4 สร้างความน่าเชื่อถือด้วยเสียงจากลูกค้า (Social Proof & Trust Signals)
คนส่วนใหญ่มักซื้อจาก “ความเห็นของคนอื่น” การใส่ Social Proof อย่างถูกจุดช่วยเพิ่ม Conversion ได้อย่างมาก
ตัวอย่าง Social Proof
- รีวิวจากลูกค้าจริง + ภาพการใช้งาน
- วิดีโอรีวิว / คอนเทนต์จากผู้ใช้จริง (User-Generated Content: UGC)
- ตรารับรองความน่าเชื่อถือ: SSL, การันตีคืนเงิน, รับรองจากองค์กร
- ความนิยมแบบเรียลไทม์: “ขายดี No.1”, “มีคนดูสินค้านี้อยู่ 23 คน”
กลยุทธ์การใช้
- วางรีวิวใกล้ปุ่ม “สั่งซื้อ”
- เลือกรีวิวที่ตอบข้อกังวลลูกค้า
- อัปเดตรีวิวและจำนวนผู้ใช้เป็นระยะ

เคล็ดลับที่ 5 การปรับเสนอขายรายบุคคล (Personalization & Targeting)
การปรับเนื้อหาและข้อเสนอให้เหมาะกับแต่ละคนสามารถเพิ่ม Conversion ได้ถึง 19% (อิงจากรายงานหลายแหล่ง)
เทคนิคที่ใช้ได้ทันที
- สินค้าแนะนำจากพฤติกรรมการชม (“คนที่ดูชิ้นนี้ยังดู…”)
- เนื้อหาตามภูมิภาคหรือสภาพอากาศ
- ป๊อปอัปส่วนลดเมื่อกำลังจะออกจากเว็บ (Exit-Intent Pop-up)
- แจ้งเตือนเฉพาะบุคคลเมื่อสินค้าที่สนใจลดราคา
- แสดงราคาพร้อมค่าส่งตามพื้นที่จริง

เคล็ดลับที่ 6 กู้คืนยอดขายจากตะกร้าทิ้ง (Cart Abandonment Recovery)
นี่คือกลยุทธ์ที่ช่วย “เอายอดขายที่หลุดไปกลับคืนมา” ได้ดีที่สุด!
สถิติจาก Moosend⁴ ระบุว่า ธุรกิจที่ใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation) สำหรับ Abandoned Cart สามารถกู้คืนยอดขายได้ถึง 15%
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Mailmodo⁵
- อัตราเปิดอีเมล (Open Rate): 45.7%
- อัตราคลิก (Click Rate): 21%
- อัตรากลับมาซื้อ (Purchase Rate): 8–10%
กลยุทธ์แนะนำ
- ส่งอีเมล 3 ขั้น (หลังทิ้ง 1 ชม., 24 ชม., 72 ชม.)
- ป๊อปอัปกันหลุด (Exit Pop-up) พร้อมส่วนลด
- โฆษณาติดตามกลับ (Retargeting Ads) บน Facebook / Google

เคล็ดลับที่ 7 เพิ่ม Conversion บนมือถือ (Mobile Conversion Optimization)
ด้วยยอดขายออนไลน์กว่า 59% มาจากมือถือ² การทำให้เว็บขายดีบนมือถือจึงเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ใช่ตัวเลือก
วิธีเพิ่ม Mobile Conversion
- ออกแบบเว็บไซต์แบบ Mobile-First
- ปุ่มใหญ่ กดง่าย เว้นระยะห่าง
- โหลดเร็วไม่เกิน 3 วินาที
- รองรับจ่ายเร็ว (One-Click Payment)
- Autofill ฟอร์ม / ดึงที่อยู่จาก GPS / ใช้แป้นตัวเลขเมื่อกรอกเบอร์หรือรหัสไปรษณีย์

กรณีศึกษา Allbirds – แบรนด์รักษ์โลกที่เปลี่ยนเว็บไซต์เป็นเครื่องขาย 24/7
Allbirds คือแบรนด์รองเท้าสัญชาติอเมริกันที่โดดเด่นด้วยวัสดุธรรมชาติ เช่น ขนแกะเมอริโนและเส้นใยไม้ยูคาลิปตัส แม้จะมีจุดขายด้านความยั่งยืนและความสบาย แต่ในช่วงเริ่มต้นกลับเจอความท้าทายด้านยอดขายบนเว็บไซต์
ปัญหาที่พบ:
- ลูกค้าใหม่ ไม่เข้าใจคุณค่าของสินค้าอย่างลึกซึ้ง
- หน้าเว็บ ยังไม่ชัดเจนพอที่จะสื่อสารจุดเด่น
- ไม่มี Trust Signals จากรางวัลหรือรีวิวมากพอ
กลยุทธ์ที่ Allbirds ใช้เพื่อเพิ่ม Conversion
- มุ่งขายผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง (DTC)
- ไม่ใช้ Marketplace เพื่อควบคุม UX, เนื้อหา, และการเล่าเรื่องแบรนด์
- ทำให้สามารถทดลองปรับดีไซน์ + A/B Test ได้อย่างอิสระ
- เสริม Landing Page ให้สื่อคุณค่าชัดเจน
- เพิ่มคำโปรย: “The World’s Most Comfortable Shoes”
- ใส่ข้อความอธิบายวัสดุธรรมชาติ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ใช้ภาพจริงของผู้ใช้ในชีวิตจริง เพื่อสร้างความเชื่อมโยง
เพิ่มความน่าเชื่อถือ
- ใส่โลโก้จากสื่อใหญ่ เช่น Time, Forbes
- เพิ่มรีวิวลูกค้าพร้อมภาพการใช้งานจริง
- เสริมตรารับรองหรือ Guarantee ที่ทำให้รู้สึก “กล้าซื้อ”
- ใช้ A/B Testing และ Retargeting
- ทดสอบปุ่ม CTA ว่า “Free shipping. Free returns.” ได้ผลดีกว่าแบบอื่น
- ใช้ Exit-Intent Pop-up เพื่อกันคนหลุดจากหน้าเว็บ
- ยิงโฆษณา Retargeting แสดงสินค้าเดิมให้ลูกค้ากลับมาซื้อ
💬 เว็บไซต์ที่ดีไม่ใช่แค่สวย แต่ต้อง “สื่อสารจุดขายให้เคลียร์ + น่าเชื่อถือ + ใช้งานง่าย” แล้วมันจะขายของให้คุณตลอด 24 ชั่วโมง แบบไม่ต้องพึ่ง Marketplace
🔗 อ้างอิง: Think with Google – Allbirds UX Case Study⁶Business Insider (2022) – What it will take for Allbirds to be profitable6
อย่าหยุดแค่สร้างเว็บไซต์ แต่ต้อง “ทำให้เว็บไซต์ขายของได้”
- Traffic ไม่ได้แปลว่ายอดขาย
- Conversion คือกุญแจที่ทำให้ทุกบาทที่ลงทุนโฆษณาคุ้มค่า
- ปรับ UX, ปุ่ม CTA, ความน่าเชื่อถือ, และการเสนอขายเฉพาะบุคคล
- ใช้ A/B Testing และวัดผลต่อเนื่อง
เริ่มวันนี้ด้วยการเลือก 1 เคล็ดลับเพิ่มยอดขาย ที่ทำได้ง่ายที่สุด แล้วลงมือเลย! หากไม่รู้จะเริ่มจากอะไร ปรึกษาทีมที่ปรึกษาของท่านได้ที่ LnwShop Pro
แหล่งอ้างอิง
¹ Smart Insights – E-commerce Conversion Rates
² Statista – Global Conversion Rate by Device
³ Convert Cart – Cart Abandonment Rate Statistics
⁴ Moosend – Cart Abandonment Stats
⁵ Mailmodo – Cart Abandonment Email Statistics
⁶ Think with Google – Allbirds UX Case Study
Leave a Comment